โพธาราม
โพธารามใหญ่ในความเล็ก
เมื่อตอนที่มาซื้อนั้น
คนที่รู้จักต่างก็พูดเยินยอว่าอยู่สวนดี ก็ดีอยู่ครับ อากาศสดชื่น มีต้นไม้มากกว่าคน
มีเสียงนกแทน เสียงรถ เสียงมอเตอร์ไซล์ มีตลาดนัดชาวบ้าน ผักหญ้าปลาถูก แต่การที่เป็นคนกรุงเทพมาตลอดชีวิตนั้น
เมื่อตอนมาอยู่สวนใหม่ๆ ชีวิตมันคนละเรื่อง อยู่กรุงเทพ 3
ทุ่ม เพิ่งคิดที่จะหามื้อเย็นกิน แต่ที่สวนนั่น 5-6 โมงเย็นต้องรีบเข้าบ้าน ไม่อย่างนั้นจะมีแด๊กคิวล่าในร่างยุงมาเป็นฝูง ขืนไม่หนีเลือดหมดตัวแน่
พอมืดแล้วเงียบสงัด
มองไปทางไหนก็มืดมิด ถึงจะมีเพื่อนบ้าน เขาก็เข้าบ้านเงียบ
ถึงจะเปิดไฟก็เหมือนปิดไฟ ดึกๆกิ่งไม้ตกก็ตกใจ คืนไหนฝนตกพรำๆ เสียงกบ อึ่งอ่าง
เสียงมันวังเวงพิลึก
ผมว่าโพธารามนี่เป็นเป็นเมืองเล็กในความใหญ่
เป็นเมืองเล็กนิดเดียว ชุมชนกระจุกหนาแน่นหน่อยก็ตรงแถบใกล้แม่น้ำแม่กลอง มีบ้านเรือนคละๆกัน
อาคารตึกแถวที่ค้าขายเหมือนทั่วไปก็เยอะ ห้องแถวไม้เก่าๆเป็นฝาเฟี้ยม ฝาถัง ก็ยังมีมาก
แถมค้าขายแบบเก่าแก่ ที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก เช่นร้านรับตัดเย็บรองเท้า ที่ยังใช้วิธีวัดเท้า
ใส่หุ้นรองเท้าด้วยไม้อยู่ ร้านขายยาโบราณ เขียนชื่อยาที่โหลยาไม่เคยเปลี่ยน ร้านขายข้าวสารกึ่งโกดัง
กึ่งขายปลีก ร้านบัดกรีเครื่องสังกะสี ร้านรับจ้างตัดเสื้อผ้าผู้หญิง ร้านเพาะฟักลูกเป็ด
ลูกไก่ขาย ดูแล้วย้อนยุคดี
สภาพรวมๆของเมืองไม่ค่อยมีตึกสูง
ตึกที่สูงที่สุดของโพธารามเป็นโรงพยาบาล ส่วนราชการนั้นเล็กมาก เป็นอาคารชั้นเดียวเป็นส่วนใหญ่
ส่วนแนวริมแม่น้ำแม่กลองนั้นต้นไม้คลุมตลิ่งแน่นจนเหมือนไม่มีคนอยู่อาศัย สรุปรวมๆของโพธารามคือเล็กและสงบครับ
ที่ผมบอกว่ายิ่งใหญ่คือ
ความนิ่งสงบของชุมชน ที่หาเมืองอย่างนี้ไม่ค่อยได้ นั่นเป็นเพราะโพธารามนั้นอยู่ตรงกลาง
ระหว่างตัวจังหวัดราชบุรี กับ ตัวอำเภอบ้านโป่ง ซึ่งห่างกันด้านละ 10
กว่ากิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งทั้งสองแห่งนั้นมีความเจริญสุดขีด
ใครอยากได้อะไรก็ไป 2 แห่งนั้น โพธารามจึงอยู่นิ่งๆ
เงียบๆสะบายๆไม่จอแจ
ชาวเมืองในตัวเมืองส่วนใหญ่เป็นคนจีนอยู่มาเก่าแก่แล้วทั้งสิ้น
ความเป็นจีนดูจากมีศาลเจ้ามากกว่า 10 ศาลเจ้า
ทุกปีต้องพิธีไหว้เจ้าครั้งใหญ่ เชิญเจ้า เซิญเซียนฮ่องเต้ จากทุกศาลมาตั้งบูชารวมกัน
มีงิ้วฉลอง 7 วัน เขาทำกันมานานนับ100 ปีแล้ว
วันตรุษจีน เช็งเม้ง สารทจีน เงียบสนิท ตลาดสด หยุดไม่มีอะไรขาย ไม่มีอะไรกิน เวลาเทศกาลกินเจ
ปิดถนน แห่ทั้งเมือง นั่นบอกถึงสังคม การยึดมั่นในจารีตประเพณี
ที่โพธารามมีโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม
ห่างออกจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร
เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดให้ทำขึ้น
เป็นตัวอย่างของการเรียนรู้ รู้จักรักษาธรรมชาติ รู้จักวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรม
ก็จากเมื่อปี
2529
มีผู้ถวายที่ดิน 800 กว่าไร่ ให้พระองค์ท่าน
แต่ไม่ใช่ที่ดินดีๆครับ เป็นที่ดินทรุดโทรม ไม่มีต้นไม้สักต้น
ขนาดหญ้ายังขึ้นไม่ได้ ภูเขาย่อมๆก็เป็นลูกรังหัวโล้น แห้งแล้ง ร้อนละอุ นกยังไม่อยากบินผ่าน
ก็มาจากที่นั้นเคยปลูกอ้อย
ปลูกมันสำปะหลัง และใช้ยาฆ่าหญ้าอย่างหนัก ความสมบรูณ์ในดินนั้นต่ำยิ่งกว่าศูนย์
ตรงชายเขาเป็นบ่อลูกรังขนาดใหญ่ เพราะขุดเอาดินลูกรังไปขายจนขุดต่อไม่ได้แล้ว
เรียกว่าเอาที่ดินทรุดโทรมไปถวายพระองค์ท่านๆก็มีวิธีให้ธรรมชาติฟื้นตัว ให้ป่ามันปลูกป่าด้วยตัวของของมันเอง
ซึ่งธรรมชาติมันค่อยๆเติบโตและเกื้อหนุนกันเอง ต้องใช้เวลาถึง
20 กว่าปี เดี๋ยวนี้เป็นป่าที่เขียว แน่น เยือกเย็น
ที่เคยเป็นบ่อลูกรัง ตอนนี้มีน้ำขังเป็นบึงน้ำใหญ่
พระองค์ท่านให้ที่นั่นเป็นที่ศึกษาวิจัยการปลูกหญ้าแฝก
ที่นำมาจากทั่วประเทศ มีบางส่วนทดลองปลูกพืชสวน พืชไร่ นั่นเป็นพระประสงค์ที่จะให้เป็นที่เรียนรู้
ธรรมชาติ การรักษาธรรมชาติ เพื่ออนาคตของเราๆนั่นเอง เขาชะงุ้มในปัจจุบันจึงเป็นที่ๆน่าจะไปครับ
แต่ไม่ใช่แค่ไปยืนถ่ายรูปกับดอกปอเทือง หรือดอกทานตะวันเท่านั้น ไปแล้วต้องได้ความรู้เป็นตัวอย่างว่า
การทำลายหรือการใช้พื้นที่ดินแบบถล่มทลายนั้น คือการทำลายอนาคตของตัวเองครับ
โพธารามมียังเรื่องดีๆอีก
เป็น วัดขนอน ที่ห่างจากตัวเมืองไปอีกฝั่งแม่น้ำนิดเดียว เป็นที่เดียวในเมืองไทยที่รักษาและสืบทอดการแสดงเชิดหนังใหญ่
ใครที่ไม่รู้ว่าหนังใหญ่สนุกอย่างไร ต้องมาดูเอง ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10
โมงเช้า มีการแสดงเชิดหนังใหญ่ให้ชมฟรี ในโรงแสดงติดแอร์สะบาย นั่นมาจากเจ้าอาวาศที่เป็นนักอนุรักษ์ตัวจริงที่หายาก
แถมเบื้องหลังการแสดงเชิดหนังใหญ่นั้น คือเด็กๆในระแวกนั้นเอง มาหัดเชิดหนัง หัดเล่นเครื่องดนตรีไทย
หัดร้องพากษ์
ที่วัดขนอนยังมีดีอีกอย่าง
ที่มักไม่ค่อยมีใครรู้ พระอุโบสถซึ่งโครงสร้างยังเป็นของเดิม จะมีหลังคาเท่านั้นที่เปลี่ยนใหม่
ลวดลายตกแต่งพระอุโบสถ ทั้งซุ้มหน้าต่าง ประตู ซุ้มใบเสมา หลายอย่างที่อาจจะเลือนๆไปบ้าง
เป็นฝีมือช่างจีนรุ่นเก่า แต่ไม่ถนัดการออกลาย กนก ก้านขด เทพพนม ถึงไม่ถนัดแต่มีแรงศรัทธาสูงและมีพยายามมาก
เทวดาจะออกมารูปร่างเหมือนอาแป๊ะพุงพลุ้ย หน้าตาเทวดาบางองค์อาจจะออกไปทางลิงบ้าง
ที่รู้ว่าช่างจีนนั้น เพราะการใช้สีครับ ช่างจีนมีความชำนาญที่เอาสีทุกสีมามัดรวมกัน
สวยมาก
เรื่องนี้มีความสำคัญที่แอบแฝง
เป็นการบอกถึงการร่วมมือกัน ให้เกียรติกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน หรือเพื่อศาสนาอันเป็นกุศล
ช่างไทยก็ให้โอกาศช่างจีน ไม่ใช่ว่าลื้อเป็นใครวะ ทำไม่เป็นแล้ว ไปไกลๆเลย ที่นั่นจึงน่าเทอดทูนครับ
แต่น่าเป็นห่วงว่า ถ้ามีการซ่อมแซม ในอนาคต แล้วไม่เก็บอันนั้นไว้ก็น่าเสียดาย
ทีนี้มาถึงเรื่องอาหารการกินบ้าง โพธารามมีของดีอยู่หลายอย่าง
ห่างจากตัวเมืองไปไม่มาก เป็นตำบลเจ็ดเสมียน ที่นั่นเป็นมหาอำนาจทางหัวไชโป๊ว แย่งความเป็นผู้นำหัวไชโป๊วจากสุรินทร์มาเรียบร้อยแล้ว
ในตัวเมืองตอนเย็นๆ
ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองมีตลาดอาหาร ของกินมีเพียบ เข็นออกมาขายกันอย่างพร้อมเพรียง
จะนั่งกินก็ได้ นอกจากตรงบริเวณนั้นแล้ว ของเด่นของโพธารามยังมีอีกหลายอย่าง มีเต้าหู้ดำ
มีร้านบะหมี่หยูไฮ่เป็ดตุ๋น ที่ทำบะหมี่เองและส่งขายด้วย มีร้านโอชามะหมี่หมูแดง อยู่ตรงถนนหน้าอำเภอโพธาราม
มีร้านขนมถ้วยหลังอำเภอ มีขนมครกข้างไปรษณีย์โพธาราม มีกล้วยปิ้งหน้าสามแยกช้าง
และยังมีของกินอร่อยๆอีกเยอะครับ
เมื่อเที่ยวแล้ว
ยังมีที่พักสบายๆริมแม่น้ำแม่กลองอีก
ตอนนี้มีนักลงทุนไปสร้างรีสอรท์ริมแม่น้ำหลายแห่ง ใช้วิวแม่น้ำเป็นจุดขาย
ซึ่งวิวแม่น้ำถือว่ายังดิบๆอยู่ โพธารามห่างจากกรุงเทพแค่ 100
กิโลเมตร ใช้เวลาที่จะเที่ยวประเทืองปัญญา พักผ่อน กินอร่อย ใช้เงินน้อย
ไปแล้วคุ้มค่าครับ
สุธน
สุขพิศิษฐ์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น