กินของเหลือ


re cook
                                                   กินของเหลือ
                                                  

          ผมว่าคงมีหลายคน เมื่อไปกินอะไรที่ไหน มักจะสั่งมาหลายๆอย่าง พออิ่มแล้วมีบางอย่างกินที่ไม่หมด ก็ให้ใส่ถุงหรือใส่กล่องเอากลับบ้าน พอมาถึงบ้านก็ไม่ค่อยอยากกิน เพราะเพิ่งกินมาหยกๆ และคิดว่าเป็นของเหลือ ก็วางแช่อยู่ในตู้เย็น ผ่านไปสองวันก็คิดตก ทิ้งสถานเดียว
          เหมือนกับเวลาไปตลาดสด ตลาดนัดชาวบ้าน เห็นปลาแม่น้ำ เห็นฟักข้าว ฟักทอง แตงโมอ่อน  ถั่วพู บวบ มะระ ชะอม พริกขี้หนูสวน ใบกระเพรา ใบยี่หร่า เครื่องแกงเหลือง เครื่องแกงเขียวหวาน ดูมันน่ากินไปหมด ทั้งสด ทั้งอ่อน ทั้งถูก ความละโมภพุ่งปรี้ด กะว่าเอามาทำโน่น ทำนี่กิน พอถึงบ้านของพวกนั้นนอนนิ่งๆในตู้เย็นเป็นเดือนไม่ได้ทำอะไร สุดท้ายก็ทิ้งสถานเดียวเหมือนกัน
          ที่ผมยกตัวอย่างมานี่ไม่ใช่อื่นไกลครับ ผมเองนี่แหละ ตอนหลังๆชักไม่ไหว เวลาเก็บทิ้งมันเงินเราทั้งนั้น เสียดายเงิน นี่ถ้าตู้เย็นมันพูดได้คงด่าว่า ได้แต่ยัดอย่างเดียว เอาไปแดกซิบ้างซี่ เลยต้องปรับใหม่เป็นการกินไม่ให้เหลือ หรือกินของเหลือ โดยเฉพาะเอาของเหลือมาทำกินใหม่ ปรับไปตามใจชอบ มันเป็นการท้าทาย ได้ทดลอง ถ้าฟลุ๊กออกมาอร่อยก็ถือว่า เป็นวิธีเป็นสูตรของตัวเอง ถ้าไม่อร่อยก็คิดว่าครั้งหน้าน่าจะต้องปรับอย่างไร ทำอย่างนี้ได้ประโยชน์สองต่อ อย่างแรกไม่เสียของ อย่างที่สองได้สนุกกับการทำกิน
          ผมมีไก่ย่าง แกงเขียวหวานไก่ คั่วกลิ้งหมู ไก่ผัดขิง คอหมูย่าง เหลือไม่ทิ้ง เก็บแช่แข็งไว้ก่อน กะว่าจะทำแกงโฮ๊ะ พอถึงเวลาเอาของออกมา และไปซื้อ ชะอม มะเขือพวง มะเขือเปราะ พริกชี้ฟ้า ส่วนวุ้นเส้นมีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่จำเป็นที่สุดไม่อย่างนั้นไม่เรียกว่า แกงโฮ๊ะ เป็นหน่อไม้ดองครับ ต้องมีเปรี้ยวจึงจะครบเครื่อง ถ้าสงสัยว่าทำไมต้องมีเปรี้ยว ก็แกงโฮ๊ะดั้งเดิมหรือต้นกำเนิดของแกงโฮ๊ะนั้นเกิดจากวัด ที่ลูกศิษย์วัดเก็บของเหลือๆจากการใส่บาตร ที่พระท่านฉันไม่หมด สมัยก่อนไม่มีตู้เย็น บางอย่างมันเริ่มตุๆมีฟองแล้ว ก็เอามาผัดรวมกัน เมื่อผัดแล้วความตุที่มีรสเปรี้ยวยังไม่หนีหายไปไหน มันจึงเป็นสัญลักษณ์ของแกงโฮ๊ะ แกงโฮ๊ะต่อๆมาที่ทำขายนั้นไม่ใช่ของเหลือครับ ของใหม่ทั้งสิ้น แต่ของผมเป็นแกงโฮ๊ะตัวจริง รวมของเหลือ ตอนผัดอ่อนรสอะไรก็เติมรสตามชอบ เสร็จแล้วโรยหอมเจียวเอากลิ่นนิดหน่อย แต่พอทำขึ้นมาแล้ว ก็เยอะเหมือนกัน คิดว่ากินไม่หมดแน่ เดี๋ยวก็เหลืออีก วิธีตัดไฟแต่ต้นลมง่ายๆ ก็แบ่งไว้ใส่บาตร เป็นแกงโฮ๊ะกลับไปสู่วัด คืนสู่เหย้า
          เวลาที่สวนตะลิงปลิงออกลูก มะเขือพวงออกลูก ไปตลาดเจอมะอึก ถ้ามีของพวกนี้ผมชอบที่จะตำน้ำพริกกะปิ ก็แล้วแต่ว่าจะใส่อะไรที่ได้มา และชอบตำเป็นถ้วยย่อมๆ มีเครื่องครบ ปลาทูทอด ชะอมชุบไข่ ผักสด ผักลวก ตอนทำสนุกดี แต่กินกัน 2 คนกินอย่างไรก็เหลือ มื้อกลางวันต่อมาก็ทำข้าวผัดน้ำพริกกะปิกิน ผัดกระเทียมกับปลาทูที่แกะเนื้อก่อน ใส่ข้าว ใส่น้ำพริก ไม่เค็มเติมน้ำปลา มะเขือพวง พริกขี้หนูโรย บางทีมีพริกไทยอ่อนก็ใส่ด้วย ถ้ามีกุ้นเชียงด้วยก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็ทำไข่เจียวบางๆหั่นเป็นเส้นฝอยยาวๆ แบบที่กินกับป่อเปี๊ยะ นั่นเป็นของข้างเคียงกับข้าวผัด ยังไงๆมันก็อร่อยจนได้ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็ของดีๆทั้งนั้น ไม่ได้มีฝีมืออะไรเลย
          ผมมีเจ้าเป็ดพะโล้อร่อยที่โพธาราม เขาไม่ขี้เหนียวเรื่องน้ำต้มพะโล้ เอาเท่าไหร่ให้มาไม่อั้น กินเนื้อกินน้ำเหลือ เอาเข้าช่องแข็งไว้เลย นึกอยากกินก็ไปซื้อผักกาดหอมมา เอาเป็ดพะโล้กับน้ำเป็ดพะโล้ ออกมาต้ม น้ำเป็ดน้อยไปก็เติมน้ำ เติมเกลือ ใส่โป๊ยกั๊กสองดอก อบเชยแท่งเล็กๆ ไม่หวาน ใส่น้ำตาลกรวด ต้มให้เดือด เส้นหมี่มีอยู่แล้วลวกเข้า ผักกาดหอมวางก้นชามก็เรียบร้อย เป็นก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ร้าน “ บรรเลงโภชณา” ไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปกินที่ไหน เรียกว่ากินของเหลืออย่างคุ้มค่า
          เคยมีที่ไปเจอชาวบ้านเอาฟักทองตัดใหม่ๆ ขั้วยังสดๆอยู่ แถมขนาดพอดีอีกด้วย วาดแผนการในใจเป็นเทศกาลกินฟักทอง เอามาแกงเลียงก่อน ยังเหลืออีกก็เอามานึ่ง โรยเกลือนิดหนึ่ง แทนผลไม้อาหารเช้า มื้อสุดท้ายของเทศกาลกินฟักทอง กินเป็นเมื่อเช้าอีกเช่นกัน ทีนี้ต้มนานหน่อยแล้ว เอามาบดใส่เนย ใส่ครีม ใส่เกลือ ทำเหมือนมันฝรั่งบดนั่นเอง แต่จะง่ายกว่า เพราะฟักทองเนื้อมันนิ่ม บดง่าย บดได้เร็วไม่เสียเวลา แล้วรสมันเนียน เอาขนมปังทาเนยวางในถ้วยพิมพ์ ล้อมภายในด้วยเบคอนทอด ช่องตรงกลางของเบคอนเอาฟักทองบดนั่นเองวาง เต็มถ้วยพิมพ์พอดี โรยด้วยผง Cinnamon เข้าเตาอบ ดัดจริตทำคล้ายๆ ขนมปัง Croque Madame ของฝรั่ง ถึงจะไม่อร่อยเกินพิกัด แต่อย่างน้อยฟักทองหนึ่งลูก กินได้ตั้งสามอย่าง
          ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ไม่ได้มีอยู่ในตำรา และไม่ได้โอ้อวดตัวว่า มีฝีมืออะไรเลย เพียงแต่จะบอกว่าการกินไม่ให้เหลือหรือกินของเหลือนั้น ใด้ประโยชน์ครับ ไม่เสียของ ประหยัดเงิน สนุก ทำบ่อยๆก็จะเป็น “ ขงเบ้ง” ปราบของเหลือครับ พอเปิดตู้เย็นเห็นไอ้โน่น ไอ้นี่ ก็หยั่งรู้ฟ้า ดิน ว่าจะต้องจัดการปราบมันได้อย่างไรให้ราบคาบ ลองดูครับ
                                                                             สุธน สุขพิศิษฐ์  
               

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ห่านพะโล้-เป็ดพะโล้

ไก่ย่าง

โชห่วย